นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (เงินเฟ้อทั่วไป) เดือน ก.ย.65 เท่ากับ 107.70 เทียบกับ ส.ค.2565 เพิ่มขึ้น 0.22% และเทียบกับเดือน ก.ย.64 เพิ่มขึ้น 6.41% โดยถือว่าเป็นการเพิ่มขึ้นที่ชะลอตัวจากเดือนที่แล้ว ที่สูงขึ้นถึง 7.86% ซึ่งเป็นผลจากการชะลอตัวของราคาสินค้ากลุ่มพลังงาน เคหสถาน และเครื่องประกอบอาหาร ประกอบกับ ฐานดัชนีที่ใช้คำนวณเงินเฟ้อในเดือนเดียวกันของปีก่อนอยู่ระดับสูง ซึ่งถือว่าเงินเฟ้อชะลอตัวลงตามที่คาดการณ์เอาไว้คำพูดจาก เว็บสล็อตทดลองเล่น
ส่วนเงินเฟ้อรวม 9 เดือนปี 65 (ม.ค.-ก.ย.) เพิ่มขึ้น 6.17% และเงินเฟ้อพื้นฐานที่หักอาหารสดและพลังงานที่มีความผันผวนด้านราคาออก ดัชนีอยู่ที่ 103.73 เพิ่มขึ้น 0.14% เมื่อเทียบกับเดือน ส.ค.65 และเพิ่มขึ้น 3.12% เมื่อเทียบกับเดือน ก.ย.64 และเฉลี่ย 9 เดือนเพิ่มขึ้น 2.26%
“ปัจจัยที่ทำให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น 6.41% ยังมาจากการขยายตัวของสินค้าในกลุ่มพลังงานเป็นหลักโดยเพิ่มถึง 16.10% ตามการสูงขึ้นของราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งแม้ราคาน้ำมันจะลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อน แต่ราคายังคงสูงกว่าเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน อีกทั้งยังมีการเพิ่มขึ้นของค่ากระแสไฟฟ้า ก๊าซหุงต้ม การตรวจรักษาและบริการส่วนบุคคล ค่าแต่งผมชาย ยาสีฟัน แชมพู ค่าโดยสารสาธารณะ การศึกษา ยาสูบและเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ บุหรี่ เบียร์ สุรา สูงกว่าปีที่ผ่านมา” คำพูดจาก ทดลองเล่น
ส่วนสินค้ากลุ่มอาหารสด เพิ่ม 10.97% ตามการสูงขึ้นของราคาสินค้าในกลุ่มเนื้อสุกร ไก่สด ไข่ไก่ ผักสดและผลไม้ พริกสด ผักคะน้า กะหล่ำปลี ส้มเขียวหวาน แตงโม มะม่วง ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม อาหารสำเร็จรูปเพิ่มขึ้นเล็กน้อย และเครื่องประกอบอาหาร ราคาเริ่มชะลอตัว แต่ยังคงสูงกว่าเดือนเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตาม ยังมีสินค้าสำคัญหลายรายการที่ราคาลดลง เช่น แป้งผัดหน้า น้ำยารีดผ้า ค่าส่งพัสดุ เครื่องรับโทรทัศน์ เครื่องปรับอากาศ และเครื่องซักผ้า รวมถึงข้าวสารเหนียว มะพร้าวผล ขูด มะขามเปียก กล้วยหอม และอาหารโทรฯ สั่ง เป็นต้น
นายพูนพงษ์กล่าวว่า แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อไตรมาสที่ 4 ปี 65 คาดจะชะลอตัวลงต่อเนื่อง ตามต้นทุนการผลิตและโลจิสติกส์ในประเทศที่ลดลงจากราคาน้ำมันดิบและอาหารโลกที่ลดลง ประกอบกับฐานราคาที่สูงในช่วงเดียวกันของปีก่อน และมาตรการดูแลค่าครองชีพของภาครัฐที่ออกมาในช่วงที่เหลือของปี โดยคาดการณ์เงินเฟ้อทั่วไปปี 65 จะอยู่ระหว่าง 5.5-6.5% ค่ากลาง 6% ซึ่งเป็นอัตราที่สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจและการคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อของหน่วยงานด้านเศรษฐกิจของไทย
อย่างไรก็ตาม การบริโภคในประเทศที่ปรับตัวดีขึ้น ตามภาคการท่องเที่ยว การส่งออก และรายได้เกษตรกรที่อยู่ในระดับดี ผลผลิตทางการเกษตรที่เข้าสู่ตลาดน้อยจากฝนตก ราคาพลังงานโลกที่ผันผวน และเงินบาทที่อ่อนค่า ส่งผลให้ต้นทุนการนำเข้าสินค้าและวัตถุดิบเพิ่มขึ้น จะเป็นปัจจัยที่ทำให้การชะลอตัวของอัตราเงินเฟ้ออยู่ในกรอบที่จำกัด